“แม้ภาระหน้าที่จะมากเพียงใด ความเหน็ดเหนื่อยจะสักเพียงไหน
สิ่งหนึ่งที่อาจารย์ยึดถือและปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอคือ
การ ‘สวดมนต์ไหว้พระ’ ในทุก ๆ วัน”
จะเป็นเช้าหรือเย็น จะก่อนนอนหรือตื่นขึ้นมา สิ่งสำคัญไม่ใช่ เวลา แต่คือ ความสม่ำเสมอ
เพราะการสวดมนต์นั้น ไม่ใช่เพียงเพื่อความสงบในใจ
หากแต่คือการ ฝึกตน ฝึกใจ และฝึกวินัยให้ยืนยง
“นิสัยดี…ต้องสร้าง
วินัยแน่น…ต้องฝึก
ใจมั่นคง…ต้องหมั่นสวด”
อาจารย์พบว่า คนจำนวนไม่น้อยมักกล่าวว่า “ไม่มีเวลา”
ทั้งที่ในความจริงแล้ว เราเสียเวลากับสิ่งไม่จำเป็นในแต่ละวันไม่น้อย
แต่กลับบอกว่าการพนมมือท่องบทสวดเพียงไม่กี่นาที “ยังไม่มีเวลา”
“เรื่องเล็กน้อยที่ดีงาม หากยังทำไม่ได้อย่างสม่ำเสมอ
แล้วจะมีวินัยพอไปถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?”
บางคน เมื่อประสบเคราะห์กรรมหรือมีปัญหาจึงค่อยเร่งทำบุญ
หวังให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย ทั้งที่ในยามชีวิตปกติ ไม่เคยฝึกตน สร้างบุญ หรือสั่งสมบารมีเลย
“เมื่อยามฟ้าปกติไม่เตรียมเรือ ยามฝนตกแล้วเราจะลอยฝั่งได้อย่างไร?”
“แม้แต่ตนเองยังไม่ช่วยตัวเอง แล้วใครเล่าจะช่วยเราได้?”
การสวดมนต์จึงมิใช่เพียงการท่องบท
แต่เป็นการ ยกจิตขึ้นจากความประมาท
และเป็นเสมือนการก่อรากฐานชีวิตให้มั่นคงด้วยบุญ ด้วยสติ และด้วยวินัย
อาจารย์สอนเช่นนี้ มิใช่เพื่อให้ศิษย์เกรงกลัวบาปบุญ
แต่เพื่อให้เห็นว่า “ความสำเร็จทั้งทางโลกและทางธรรม ต้องเริ่มจากวินัยเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่ในใจเรา”